พืชไม้ดอก
กุหลาบ (Rose)
ลักษณะ : ต้น ไม้พุ่ม ลำต้นสีเขียวหรือน้ำตาล กิ่งทรงกระบอก อาจมีหนามแหลมหรือไม่มี ใบ ประกอบแบบขนนกปลายคี่ เรียงสลับ ใบย่อยรูปรี ปลายแหลม โคนสอบ ขอบจักเป็นฟันเลื่อย แผ่นใบสีเขียว ดอก ดอกเดี่ยวและช่อดอก ออกที่ปลายกิ่ง กลีบเลี้ยง 5 กลีบ สีเขียวหรือสีเขียวอมแดง กลีบดอกมีทั้งชั้นเดียวและหลายชั้น สีสันตามแต่ชนิด/พันธุ์ เช่น ดอกสีแดง ดอกสีขาว ดอกสีชมพู
วิธีดูแลรักษา : ชอบดินที่เป็นกรดเล็กน้อย อากาศเย็น ควรเลือกปลูกกุหลาบเฉพาะในฤดูฝนและ หนาวเท่านั้น ช่วงที่ดีทีสุดคือ ในเดือนมิถุนายน เนื่องจากกุหลาบจะมีช่วงการเจริญเติบโตติดต่อกันเป็นระยะเวลานานมากกว่า 6 เดือน ซึ่งจะทำให้ได้ต้นกุหลาบที่เติบโตเต็มที่ ดอกมีคุณภาพ
การใช้ประโยชน์ : ใช้เป็นไม้ประดับ ดอก กลีบดอกแรกแย้ม สกัดได้น้ำมันหอมระเหย ใช้แต่งกลิ่นโดยเฉพาะเครื่องสำอาง ทำดอกไม้ประดิษฐ์ และบุหงา ผล มีวิตามินซีมาก
ตารางการใช้ All Bio สำหรับไม้ดอกทุกชนิด
ดาวเรือง (Marigold)
ลักษณะ : ดาวเรืองเป็นไม้ดอกต้นสูง 25-60 ซม. ใบเป็นรูปหอก ปลายแหลม ขอบหยัก ดอกเป็นช่อกระจุกเดี่ยวที่ปลายยอด ดอกวงนอกกลีบดอกเป็นรูปรางน้ำ โคนเป็นหลอดเล็ก ปลายแผ่ ดอกวงในกลีบดอกเป็นหลอดมีหลายสี เช่น สีส้ม เหลืองทอง ขาว และสองสีในดอกเดียวกัน และมีทั้งดอกชั้นเดียวและดอกซ้อน พันธุ์ที่ใช้ปลูก เช่น Panther , Red Brocade , Dusty Rust , Midas Touch , Matador , Petite Gold
วิธีดูแลรักษา : ดาวเรืองเป็นพืชที่ต้องการแสงแดดจัด ปลูกในที่กลางแจ้ง สามารถเจริญเติบโตได้ในดินทุกชนิด มีการระบายน้ำดี การรดน้ำก็เป็นไปตามปกติ นอกเสียจากปลูกดาวเรืองในดินทรายจำเป็นต้องรดน้ำทั้งเช้าและเย็นเพราะดินทรายระบายน้ำได้ดีเกินไป
การใช้ประโยชน์ : ใบมีสรรพคุณพอกแผลฝี ทาแผลเน่าเปื่อย น้ำคั้นจากใบแก้ปวดหู ดอกแก้ริดสีดวงทวาร ขับเสมหะ แก้เจ็บตา เวียนศีรษะ ไอกรน คางทูม
ชวนชม (Mock Azalea)
ลักษณะ : ไม้พุ่มขนาดเล็ก ลำต้นอวบน้ำมียางขาวทุกส่วน ใบเดี่ยว รูปช้อน เรียงแบบเวียน ดอกเดี่ยวหรือช่อสั้นๆ กลีบดอกสีแดง โคนกลีบดอกเป็นหลอด ปลายแยก 5 แฉก ผล เป็นฝักคู่รูปยาวรี แก่แตกได้ (ปัจจุบันมีต้นที่มีดอกสีขาวและสีชมพู)
วิธีดูแลรักษา : ดินโปร่งร่วนซุย มีการระบายน้ำดี ควรเป็นรดน้ำด้วยน้ำสะอาด ชอบแดดจัด นิยมใช้ปุ๋ยเม็ดละลายช้า
การใช้ประโยชน์ : ไม้ประดับ
เบญจมาศ (Chrysanthemum)
ลักษณะ : ต้น ไม้ล้มลุก ลำต้นทรงกระบอก มีขนละเอียด แตกกิ่งก้านไม่มาก ใบ ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปใบหอกหรือรูปไข่ ปลายแหลม โคนตัดหรือสอบแหลม ขอบหยัก สีเขียวเข้ม มีขนปกคลุม ดอก ออกดอกเป็นช่อกระจุกแน่น บริเวณซอกใบหรือปลายกิ่ง ดอกหลายสี เช่น ดอกสีเหลือง ดอกสีชมพู ดอกสีขาว กลีบเลี้ยงสีเขียว รูปรี ปลายแหลม เรียงซ้อนกันหลายชั้น กลีบดอกมี 2 ชั้น ชั้นนอกรูปไข่หรือรูปรี ซ้อนกันหลายชั้น ชั้นในขนาดเล็ก โคนกลีบเชื่อมกันเป็นหลอด ภายในมีเกสรเพศผู้และเพศเมีย
วิธีดูแลรักษา : ดินร่วน ต้องการน้ำปานกลาง ชอบแดดจัด
การใช้ประโยชน์ : ปลูกประดับสวน ปลูกเป็นไม้กระถาง ไม้ตัดดอก
ทานตะวัน (Sunflower)
ลักษณะ : ต้น เป็นพรรณไม้ล้มลุก ลำต้นเป็นแกนแข็ง ตั้งตรง มีขนขึ้นเป็นกลายแข็ง ความสูงประมาณ 3-3.5 เมตร ใบมีลักษณะเป็นรูปกลมรี โคนใบโค้งเว้าเป็นรูปหัวใจ ส่วนปลายใบแหลม ริมขอบใบหยักย่อยเป็นแบบฟันปลา มีขนสากขึ้นประปราย และก้านใบยาว ดอกออกเป็นช่อ หรือเป็นกระจุก ขนาดใหญ่จะออกบริเวณยอด หรือรอบ ๆ ลำต้น กลีบดอกวงในมีสีเหลือง ส่วนกลีบดอกวงนอกมีสีเหลืองอ่อน หรือเหลืองทอง มีขนาดยาวประมาณ 1-4 นิ้ว ฐานดอกมีสีเขียวเชื่อมติดกัน ฝัก/ผล มีลักษณะเป็นรูปกลมรี มีสีขาว สีเทา หรือสีดำ ขนาดยาวประมาณ 6-17 มม. เมล็ด มีเมล็ด เพียง 1 เมล็ดเป็นสีเหลืองอ่อน
วิธีดูแลรักษา : ต้องการแสงแดดจัด ขึ้นได้ดีในดินร่วนปนทราย ระบายน้ำได้ดี ต้องการน้ำปานกลาง
การใช้ประโยชน์ : ไม้ประดับ สมุนไพร เมล็ด ใช้บริโภคโดยตรงและนำมาสกัดเป็นน้ำมัน เปลือกของลำต้น มีลักษณะเหมือนเยื่อไม้นำมาทำกระดาษสีขาวได้คุณภาพดี ลำต้นใช้ทำเชื้อเพลิงได้ และรากทานตะวันประกอบอาหารสำหรับผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน
ดอกไฮเดรนเยีย (Hydrangea)
ลักษณะ : ต้น ไม้พุ่ม สูง 0.5-2 เมตร แตกกิ่งก้านเป็นพุ่มกว้าง ใบ ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก รูปไข่ ปลายแหลม โคนมน ขอบจักฟันเลื่อยถี่ แผ่นใบสีเขียว ค่อนข้างหนา เป็นมัน เห็นร่องใบชัดเจน ก้านใบ เส้นกลางใบ และขอบใบสีเขียวอ่อน ดอก ออกเป็นช่อแบบช่อเชิงหลั่นเชิงประกอบ ช่อกลมแน่น ออกตามปลายยอด ดอกมีกลีบประดับคล้ายกลีบดอก 4-5 กลีบ สีแดง ชมพู ม่วง ฟ้าอมม่วงหรือสีขาว กลีบดอกมีขนาดเล็กมาก จำนวน 4-5 กลีบ
วิธีดูแลรักษา : ดินร่วนปนทราย ระบายน้ำได้ดี ต้องการน้ำปริมาณปานกลาง แสงแดดปานกลาง ชอบอากาศเย็น
การใช้ประโยชน์ : ดินร่วนปนทราย ระบายน้ำได้ดี ต้องการน้ำปริมาณปานกลาง แสงแดดปานกลาง ชอบอากาศเย็น
มะลิ (Jasmine)
ลักษณะ : ต้น เป็นไม้พุ่ม ไม้เลื้อย และไม้รอเลื้อย แตกกิ่งก้านสาขาออกรอบๆ ลำต้นสูงประมาณ 5 ฟุต ใบ มีทั้งใบเดี่ยวและใบรวม การจัดเรียงตัวของใบมีทั้งแบบใบอยู่ตรงกันข้าม ใบแบบสลับกัน ดอก มีสีขาว กลีบดอกมีชั้นเดียวและหลายชั้น เป็นดอกเดี่ยวและดอกช่อดอกจะออกจากยอดหรือข้างกิ่งส่วนมากมีกลีบเลี้ยง 4-9 กลีบ กลีบดอกมี 4-9 กลีบ
วิธีดูแลรักษา : ชอบดินร่วนซุย มีความชุ่มชื้นปานกลาง ระบายน้ำได้ดี ต้องการแสงแดดจัด และต้องการปริมาณน้ำปานกลาง
การใช้ประโยชน์ : ใช้ไม้ประดับ ดอกสามารถนำมาร้อยเป็นพวงมาลัย ดอกไม้แห้ง น้ำมันหอมระเหย และสมุนไพร
หน้าวัว (Anthurium)
ลักษณะ : ต้น ไม้ล้มลุกหลายปี กึ่งอิงอาศัย สูง 80-100 เซนติเมตร ต้นเดียวหรือแตกกอ ลำต้นสั้นหรือยืดยาวเกาะอาศัย ใบ ใบเดี่ยว ตั้งตรง เรียงเวียนสลับรอบต้น รูปหัวใจ รูปใบหอก รูปสามเหลี่ยม หรือเป็นใบประกอบแบบนิ้วมือ ปลายติ่งแหลมอ่อน โคนรูปหัวใจ ขอบเป็นคลื่น ใบหนา เป็นมัน แผ่นใบสีเขียวเข้ม ใต้ใบเห็นเส้นใบนูนเด่นชัด ก้านใบสีเขียว ดอก ดอกเป็นช่อแบบช่อเชิงลดมีกาบ ออกตามซอกใบ ปลี เป็นส่วนแกนกลางที่มีดอกย่อยเรียงอยู่รวมกันเป็นแท่งทรงกระบอก ดอกสีเหลือง เมื่อดอกบานเปลี่ยนเป็นสีขาว กาบช่อดอกรูปร่างคล้ายแผ่นใบ มีหลายสี เช่น สีขาว สีส้ม สีชมพู สีแดง สีม่วง และสีเขียวหรือสีเขียวร่วมกับสีอื่น ดอกเป็นดอกสมบูรณ์เพศ
วิธีดูแลรักษา : ดินร่วนหรือดินร่วนปนดินเหนียว ต้องการน้ำปริมาณมาก แสงแดดปานกลาง
การใช้ประโยชน์ : นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ ไม้ตัดดอก